คุณมีสัตว์เลี้ยงที่บ้านมั๊ยคะ คำตอบจะมีสองอย่างคือ มีกับไม่มี สำหรับคนที่ตอบว่าไม่มี ไม่ใช่ไม่ขอบสัตว์เลี้ยง แต่เนื้อที่ที่บ้านอาจไม่อำนวย หรือติดปัญหาสุขภาพ แพ้ขน หรือเหตุผลนานับประการ แต่สำหรับคำตอบว่ามี ถ้าถามต่อว่า เลี้ยงอะไร บางคนก็จะเลี้ยงหมาเพราะมันซื่อสัตย์ วิ่งออกมาต้อนหน้าต้อนหลังทุกวัน บางคนเลี้ยงปลาเพราะชอบดูตอนที่ปลาสวยงามเหล่านั้นว่ายไปมา เหมือนภาพวาดแต่เคลื่อนไหวได้ บางคนนั่งดูปลาว่ายน้ำได้ไม่รู้เบื่อ บางคนชอบแมว เพราะแมวมักจะมีความเป็นตัวเองค่อนข้างสูง และไม่ต้องดูแลเอาใจใส่อะไรมากนัก หรือนกเพราะชอบฟังเสียงร้องใสๆ ของนกแต่ละชนิด และสัตว์อีกหลายชนิดที่สามารถเลี้ยงได้ในบ้าน หากบ้านคุณมีสถานที่อำนวยสำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดนั้น แต่สำหรับเรา เราชอบสัตว์ทุกชนิด ย้ำนะคะทุกชนิดจริงๆ เมื่อก่อนมีความสุขกับการเล่นกับสัตว์เลี้ยงของเพื่อนข้างบ้าน ทั้งหมา แมว ปลา เจออะไรเล่นด้วยหมด เพราะเราต้องทำงานประจำ และกลับบ้านไม่เป็นเวลา รวมถึงต้องไปค้างอ้างแรมที่อื่นเป็นประจำ ทำให้ไม่มีเวลา ไม่สามารถเลี้ยงสัตว์ใดๆ ได้ แต่แล้ววันนึงโอกาสก็เข้ามา เราได้งานที่สามารถนั่งทำงานที่บ้านได้ ทำให้มีเวลาที่จะดูแล และเอาใจใส่สัตว์เลี้ยงได้ เอาหล่ะ คิดสิ ที่นี้ต้องมาคิดแล้ว เราจะเลี้ยงอะไรดีล่ะ
หมาเหรอ มันต้องใช้พิ้นที่มากนะ เราอยู่ห้องคอนโด ถึงจะพอมีพื้นที่ให้วิ่ง แต่คงไม่เหมาะ ไหนมันจะเห่า หรืออาจออกไปกัดใครอีก ชอบหมามากที่สุดนะ แต่ต้องตัดตัวเลือกนี้ออกไป
ปลาเหรอ เราไม่ชอบตอนที่ต้องล้างอ่างปลาสิ สงสัยถ้าเลี้ยงคงมองปลาไม่เห็นเพราะตะไคร่เกาะตู้จนมิด เคยเลี้ยงนะ เวลามันตายเศร้าใจบอกไม่ถูก แล้วปลาทำไมมันตายง่ายจัง นี่เราต้องเสียใจซ้ำซากแน่ ถ้าเลี้ยงปลา ตัวเลือกนี้ ก็ต้องขอบาย
นกล่ะ ดีนะ อยู่แต่ในกรง ฟังเสียงร้องจิ๊บๆ ถึงเวลาก็แค่ให้อาหาร นานๆ ทำความสะอาดกรงซักครั้งนึง แต่บังเอิญเหลือเกิน เราชอบนกที่มันบินอยู่บนฟ้ามากกว่าสิ ชอบแหงนมองนกที่มันบินอยู่ลิบๆ ถ้าเลี้ยง สุดท้าย เราคงซื้อมาแล้วปล่อยเค้าไป แน่นอนตัวเลือกนี้จำต้องตัดอีกเช่นกัน
มาถึงแมว เออ...เข้าท่า มันไม่ติดเรา มันติดบ้าน ไม่ออกไปกัดใคร ตัวผู้จะกัดก็แต่แมวด้วยกัน ถ้าถึงช่วงผสมพันธุ์ วันๆ เอาแต่นอน ไม่สุงสิงกะใคร แล้วเลี้ยงในพื้นที่จำกัดแบบบ้านเราได้ นานๆ ปล่อยออกไปเริงร่าได้บ้าง ถ้ามันกลับบ้านถูกนะ ตัวเลือกนี้แหละ เหมาะกับเราที่สุดแล้ว ณ ตอนนี้ เราจึงตัดสินใจเลี้ยงแมว หง่าววววววว แง้วววว แว้วววว เสียงนี้ก้องเข้าหูมาเลย
อ่ะ พอตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลี้ยงแมว จะไปเอาจากไหนดีนะ ซื้อเลยมั๊ย มีขายเยอะแยะ ที่วัดดีกว่าฟรีด้วย หรือที่สวนจตุจักร วันเสาร์อาทิตย์จะมีคนใจดีจากโครงการปันน้ำใจให้แมวจร จะรวบรวมแมวหาบ้านมาให้บริการแก่คนใจดีที่สามารถรับเลี้ยงแมวเหล่านั้นได้ นี่ก็ฟรีอีกเช่นกัน แต่ก่อนจะรับไปเลี้ยงต้องกรอกเอกสารบ้างนะ หรือจะไปเดินเตร็ดเตร่แถวไหน เจอปุ๊บก็เก็บมาเลี้ยงเลย ไม่หล่ะ
แหล่งหาแมวน่ารักซักตัว ที่ว่ามาเราต้องออกไปหา ขี้เกียจไปจังเลย เราเลยเลือกที่จะค้นหาเอาใน Social Network นี่แหละ เต็มเลย อยากได้สีไหน พันธุ์อะไร มีคนใจดีเอามาลงไว้ แจกแจงรายละเอียด พร้อมรูปถ่ายชัดเจน เห็นแม้กระทั่งขี้มูกขี้ตากรัง รอให้คนใจดี และพร้อมที่จะเลี้ยง มาเลือก และรับไปเลี้ยง หรือหากไม่สะดวกมารับเอง ก็มีบริการจัดส่งให้ถึงบ้านอีกตะหาก แถมฟรีอีกด้วยนะ นี่แหละแบบนี้ถึงจะเหมาะกับคนขี้เกียจแบบเรา
และแล้ววันนึงขณะที่เรานั่งทำงานเงียบๆ ที่บ้าน เราก็แวะเข้าไปที่เวบพันธุ์ทิพย์ หน้าโครงการปันน้ำใจให้แมวจร จึงลองมองหาเจ้าแมวตัวที่เราชอบ และดูแล้วมันน่าจะชอบเรา ค้นไปค้นมา ก็มาเจอที่ Facebook หน้าชุมชนคนรักแมว มีคนใจดีเอารูปแมวหาบ้านมาลงไว้ แต่ละตัวหน้าตาขี้เหร่สุดๆ แต่เราคิดว่า นี่แหละใช่เลย ถ้าขี้เหร่มันก็จะไม่มีใครมารับไปเลี้ยง เราเลยตั้งใจว่าจะพยายามเลือกตัวที่ขี้เหร่สุดๆ ตอนนั้นคนใจดีเค้าตั้งชื่อเพื่อให้เค้าจำได้ว่ารุ่น "BB1" มีพี่น้องร่วมคลอกเดียวกันก็ตั้งชื่อต่อๆ กันไปว่า BB2 ,BB3 เป็นงัยทันสมัยซะ เราปล่อยให้คนอื่นเค้าเลือกไปก่อนเลย รอจนแน่ใจแล้วว่าไอ้ตัวนี้แหละ ไม่มีใครเอาแน่นอน เราเลยเลือกไอ้ BB1 นี่แหละ ตัวผู้ ขี้เหร่สุดบรรยาย ผอมกะหร่อง หางกุดสนิท เราติดต่อคนใจดี นัดกันเอาของมาส่ง อุ๊ย....ลักษณะเหมือนส่งยาบ้า แต่สุดท้ายต้องเลื่อนออกไป เพราะ "มันป่วย" ฮิ้ว....เป็นงัยเราเลือกเก่งใช่มะ ยังไม่ทันไรเลย ป่วยซะแล้ว
จากกำหนดที่เรานัดกันกับคนใจดี ต้องเลื่อนออกไปอีกอาทิตย์นึง เพราะมันต้องโดนฉีดยา เนื่องจากเป็นหวัด ขี้มูกยืด และจามตลอดเวลา เอาหล่ะถึงตอนนี้มันก็ยังไม่หายดีเท่าไหร่ แต่เรายินดีรับมาดูแลต่อได้ โดยยังคงต้องป้อนยาตามเวลา เอาวะเป็นไงเป็นกัน มาตายที่บ้านเรานี่แหละวะ
ฮิ้ว......จะมีแมวเป็นของตัวเองแล้ว ตื่นเต้น ตื่นเต้น ตื่นเต้น เราไปรับมันที่เทคโนลาดกระบัง มาพร้อมตะกร้าไปโต ใส่เสื้อสีชมพูตัวบะเร่อ คือเสื้อใหญ่กว่าตัวเยอะมาก แว่บแรกที่เห็น ทำไม่มันขี้เหร่แบบนี้วะ หามุมน่ารักไม่เจอจริงๆ สงสัยไม่รอดเจ็ดวันแน่นอน ฟันธง ตายแน่.....
รับขึ้นรถมาพร้อมตะกร้า มันก็สำแดงด้วยการฮัดชิ้วมาตลอดทาง แถมขี้มูกเขียวอื๋อที่กระเด็นออกมาเป็นระยะ ในตะกร้ามีผ้าขนหนูสีเคยขาวมาด้วยผืนนึง แต่งแต้มด้วยรอยขี้มูกแห้งเป็นหย่อมๆ มีอาหารเม็ดมาด้วยนะ ถุงย่อมๆ สงสัยเค้าคงกลัวเราจะปล่อยให้มันอดแน่ๆ เค้ารู้ได้ยังไงนะ แต่ยังสงสัยจนถึงวันนี้ ว่ามันยี่ห้ออะไรหว่า
มาถึงบ้าน เอามันออกมาจากตะกร้า มาดูรูปมันวันแรกที่บ้านเรากัน
เป็นงัยผอมแบบที่บอกมั๊ย แล้วดูนั่นนะ เสื้อสีชมพูตัวใหญ่ต้องใช้เข็มกลัดมากลัดไว้ เพราะเสื้อมันหล่นลงมาคลุมตูด มันป่วย เลยนอนแบบกับที่นอน ทีนี้มาคิดต่อจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดีนะ จะเรียก BB1 มันเข้ากับมันซะที่ไหน ดูหน้ามันสิ เออ...มันตัวผู้ ตัวผู้ก็ต้องมีไข่สิ แล้วแถมขี้มูกย้อยยืดมาแบบนี้ เลยเอามารวมกันซะ "ไอ้ไข่" ไม่ใช่ไข่เฉยๆ ด้วยนะ "ไข่ย้อย" ด้วย
ได้เวลาป้อนยา เลยต้องจับห่อแบบนี้ ตอนนั้นมันป่วย หมดแรงดิ้น จะทำอะไรก็ยอมหมดแหละ แล้วตัวมันหน่อยเดียว ห่อง่าย ลองจับมันมาห่อตอนนี้สิ สงสัยโดนมันกัดแขนแหว่ง
ดูหน้ากันชัดๆ เป็นไง ขี้เหร่ได้ใจจริงๆ นั่งซึมๆ ไม่สดใส นี่พยายามทำหน้าสดชื่นแล้วนะ
กับห้องน้ำของมันนั่นแหละ อันใหม่ เลยลงไปนอนเกลือกลิ้งเล่น ดำผุดดำว่ายในทราย แต่มันจะทำแบบนี้ตอนเปลี่ยนทรายใหม่ๆ เท่านั้นนะ ถ้าทรายใช้แล้ว ไม่ทำแบบนี้
เวลาผ่านไปเดือนนึง เออ มันหาย ไม่ตาย มันเลือกที่จะไม่ตาย มันเลือกที่จะอยู่กับเรา......
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็สร้างวีรกรรมกับเรานับไม่ถ้วน ไล่ตั้งแต่ ไปจับแมลงสาบกิน แล้วอวกบนผ้า ผ้าสะอาดด้วยนะ เป็นกองๆ ให้เก็บ เอางานสำคัญมากัดเล่น(อันนี้บ่อยมากที่สุด) เอาทิชชู่มากัดเล่นซะกระจุยกระจายรอบบ้าน ไปตะกุยยกทรงจากในตะกร้าเอามากัดเล่น กัดต้นไม้ในบ้านเท่าที่ตีนมันจะเอื้อมเหนี่ยวลงมากัดได้ เอาตีนไปแกว่งน้ำในชักโครกเล่น เปิดประตูบ้านเป็นไม่ได้จะต้องวิ่งพรวดออกไป เสร็จแล้วกลับมาไม่ถูก หลงไปเลย ต้องให้ออกไปตามทุกครั้ง หมาไม่รู้จัก แมวก็ไม่รู้จัก ท้าต่อยได้ทุกตัว ปีนขึ้นโต๊ะ ไปเขี่ยเอาทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะให้มันหล่นลงบนพื้น หาอะไรไม่เจอ ไปดูเลย อยู่ใต้โซฟา กับเราชอบกัด กัดแรงๆ แขนมีแต่รอยกัด แต่กับคนอื่นไปอ้อนเค้า พันแข็งพันขา กลิ้งไปกลิ้งมา ทำท่าน่ารักสุดๆ ตดเหม็นมาก บางวันไม่รู้จะรีบไปไหน ขี้เสร็จไม่ยอมกลบ เปิดประตูเข้าบ้านมาที แทบผงะ รู้สึกเหมือนกลิ่นโดดถีบหน้า ถ้าวันไหนเรานอนตื่นสาย จะโดนมันกระโดดมาเหยียบอก แล้วเอาตีนมันมาแตะที่หน้า บางทีตีนนั้นก็มาพร้อมกลิ่นอึ แล้วใครจะไม่ตื่น แต่ถ้าไม้นี้ไม่ได้ผล มันจะนอนทับอกเลย เอาให้หายใจไม่ออกกันไปข้างนึง
ตอนนั้น กับตอนนี้ หลายคนถึงได้บอกไว้ว่าอยากให้แมวตัวเองกลับไปเหมือนตอนเด็กๆ ถ้าย้อนเวลาได้ ดูหน้ามันสิ เคยน่ารัก กับโคตรกวนตีน
โชว์กันเต็มๆ ไปเลย "ไข่" กับหางกุดๆ สังเกตที่เท้าหลังขวา จะมีสีแต้มน้ำตาลเป็นรูปหัวใจคว่ำ
ไม่รู้เสื้อหดหรือเปล่า ตึงเป๊ะเลย เราซื้อให้ใหม่แล้วนะ แต่ยังเก็บเสื้อตัวนี้ไว้อยู่เลย เดี๋ยววันไหนจะจับเอามาใส่ให้มันใหม่
ตัวอย่างความซน แมวของใครอีกหลายคนก็คงเป็นแบบนี้ เล่นถุงพลาสติก แล้วหัวเข้าไปติดที่ตรงหูของถุง
แล้วแบบนี้หล่ะ เข้าไปนอนในถุงมันเลย เราก็เลยจับมันใส่ถุง แล้วห้อยไว้ซักพัก จะได้หายซ่า
กูละกลุ้มจริงๆ ที่ต้องมาอยู่บ้านนี้
กิจกรรมที่คุณไข่ขอบทำทุกวัน คือมาตะกุยขา เพื่อให้เราอุ้มมันขึ้นมานั่งบนบ่า จะนั่งอยู่แบบนี้จนกว่าเราจะจับมันลง ไม่โดดลงเอง เมื่อก่อนตัวเล็กทำแบบนี้ก็สนุกดี แต่ตอนนี้หนักกว่าสี่กิโล ทำแบบนี้บ่าถึงกับทรุด
กะละมังใส่ตุ๊กตารอประกอบ คุณชายเธอก็ลงไปนอนขดๆ เบียดกับตุ๊กตา ตอนแรกก็นอนเบียด ซักพัก เขี่ยตุ๊กตาออกซะ หรือไม่ก็กัดเล่น ตุ๊กตาเสร็จมันไปหลายตัวแล้ว มันคงนึกว่าเราเย็บให้มัน
ณ วันนั้น เมื่อวันยังเยาว์ เก้าอี้ตัวใหญ่
ณ วันนี้ เมื่อวันเป็นหนุ่มเต็มตัว เก้าอี้ตัวเก่ากลับเล็กลง
นับถึงวันนี้ ไข่ย้อยมาอยู่กับเราประมาณแปดเก้าเดือนได้แล้ว แต่ละวันไข่ย้อยจะมีสิ่งที่ทำให้เราปวดหัวไม่เว้นแต่ละวัน หางานให้เราทำ มีเรื่องให้ต้องไล่ตีกันทุกวัน บางครั้งโดนตีไปไม่ถึงนาที หันมาอีกที มันก็ทำเหมือนเดิม เราคิดไม่ออกว่า มันเคยทำความดีอะไรให้เราประทับใจบ้างนะ นั่งเขียนไปนี่ ก็พยายามนึก แต่นึกไม่ออกจริงๆ แต่อย่างนึงที่เรารู้สึกได้ คือ ทุกสายตาที่มันมองเรา ไม่เคยมีสายตาของความเกลียดชัง หรือสายตาแบบดูถูกเหยียดหยาม ขนาดโดนตีไปเมื่อกี๊ ตรงนี้เองที่ทำให้เรารู้สึกว่า เรารักมันโดยไม่รู้ตัว และมันคงเป็นความรักที่เราเองก็ไม่เคยมีให้ใครมาก่อน เป็นความรักที่ไม่ต้องการการตอบแทน เป็นความรักที่มันมาพร้อมกับความว่าง ว่างจากการความหึงหวง ว่างจากความเป็นห่วง
การเลี้ยงสัตว์ให้อะไรกับเรามากกว่าเป็นเพียงแค่สัตว์เลี้ยง มันสอนให้เราอดทน ลดละจากความโกรธ แต่ให้มองมันด้วยใจที่เต็มไปด้วยความเมตตา เพราะโกรธไปก็เท่านั้น มันไม่รู้เรื่อง ถ้าเราโกรธก็แสดงว่าจิตใจเราต่ำกว่าสัตว์นั่นเอง นั่นคือสิ่งที่ไข่ย้อยมันสอนเราทุกวัน
ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อน ขอบคุณที่สั่งสอนให้เรามีความอดทนเพิ่มมากขึ้น ขอบคุณสำหรับทุกความซนที่คุณก่อ ขอบคุณที่คุณเลือกจะอยู่กับเรา ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ..........
เจอกันแล้วนะไข่ย้อย นายแน่มากๆๆๆ
ตอบลบแน่ไม่แน่ ตอนนี้หัวเน่าแล้ว
ตอบลบใครก็ได้ ช่วยมาเอามันออกไปจากชีวิตชั้นที
ตอบลบ