วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เที่ยวใกล้ๆ สไตล์ประหยัด เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

            ห่างหายไปพักนึงเลย สำหรับเรื่องเที่ยว เที่ยว แล้วก็เที่ยว   คราวนี้ ไปแบบนอนพักซักคืน ไม่รีบไม่ร้อน ใกล้  ไม่แพง ไม่วุ่ยวาย ใครที่มองหาที่พักเงียบๆ ราคาประหยัด จะไปทั้งครอบครัวใหญ่ ก็ทำได้ หรือจะไปแบบเพื่อนฝูงเอะอะเฮฮาก็สามารถเช่นกัน ที่นี่เลย เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งอยู่ ณ บ้านหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี การเดินทางก็ใช้ถนนหมายเลข 21 เรามาทางนี้ ขนาดเราชอบขับรถหลง เรายังมาถูก พวกท่านน่าจะเก่งกว่าเราแน่นอน  หรือบางคนจะเลือกไปกับการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ได้นะเจ้าคะ แต่ไม่แน่ใจว่า จะเป็นแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือไม่  จะได้อรรถรสไปอีกแบบ นั่งรถไฟไปบนสันเขื่อน ที่เคยเห็นใครเค้าถ่ายรูปมาโพสต์ไว้เยอะแยะ รถไฟวิ่งไปบนเขื่อน ...
             ระหว่างทาง  ตามประสาคนชอบเข้าวัด(วัดก็เข้า เหล้าก็กิน เพื่อนก็คบ) ไปแวะวัดนึง ชื่อวัดป่าธรรมโสภณ  อยู่ในเมือง วนๆ หา จากพระปรางค์สามยอด ไม่ไกลกันเท่าไหร่  ชื่อวัดป่าแต่อยู่ในเมืองนะจ๊ะ

            
             แล้วนี่ร้านอาหารริมน้ำ อันนี้ไม่ได้ตั้งใจลืมชื่อร้านนะ ลืมจริงๆ  ถ้าจำได้จะใช่การเดินทางของอุ้ยมั๊ย  มันต้องลืมสิ  ถึงจะใช่อุ้ยตัวจริง เอาไว้ไปใหม่ จะไปจำมาบอกนะจุ๊  มีปลาจริงมาว่ายวนเวียน รออาหารปลา จำได้ว่าถ่ายเป็นคลิป แต่ไหงมันกลายเป็นภาพนิ่งๆ ไปแล้ว



              ที่พำนักของเราคืนนี้  คือที่ของ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ที่นี่มีกิจกรรมให้คนไม่ชอบอยู่นิ่งๆ หรือแค่เปลี่ยนที่กินเหล้า ทำหลายอย่างอยู่เหมือนกัน เช่น มีจักรยาน(ของใครไม่รู้) เอามาปั่นให้ตื่นเต้นเล่น เพราะกลัวเจ้าของเค้ามาตาม หรือจะไปนั่งรถชมวิวเขื่อนก็เจ๋ง รถออกตามเวลา มีคนมายืนรอเข้าคิวกันหลายคน หรือจะไปเดินช็อปปิ้ง เพื่อเป็นการกระจายรายได้ ก็ยิ่งดี  สินค้าที่ขายมีหลายประเภท ให้เลือกซื้อได้ตามความชอบของแต่ละคน  เสียดายตอนที่ไปนั้นเราลืมถ่ายรูปมาให้ดู เราซื้อ ลูกหว้า..ใช่แล้ว...ลูกหว้าลูกใหญ่มาก ขายเป็นกระทง กระทงละสิบบาท  ผลไม้สุดโปรดของคนกรุงหยั่งเราเลย  หากินง่ายๆ ซะที่ไหน  รู้จักมั๊ยเอ่ย  ผลไม้ลูกกลมรีๆ  สีม่วงเข้ม  สุกแล้วรสหวานๆ  ถ้ายังสุกไม่เต็มที่จะออกฝาดหน่อยๆ พอให้รู้สึกสากๆ ฟัน  กินไปเยอะๆ  ยิ้มมาทีเห็นฟัน กะเหงือกสีม่วงๆ เรามันไม่ใช่ประเภทต้อง Up รูปลงเฟซบุคก่อนกินทุกครั้งซะด้วยสิ เลยฟาดซะหมดเลย นึกขึ้นได้อีกที เหลือแต่เม็ดสีขาวอมชมพู ปนน้ำลายแหนะๆ  มันน่าดูซะที่ไหน

             มาดูที่พักกันดีกว่า(ว่าแต่ว่า เอาที่พักของเค้ามาให้ดูเนี่ย เราได้ค่าโปรโมทป่าววุ๊ย  เอาแค่ครั้งต่อไป  ไปพักอีก  ลดให้ครึ่งนึงก็ดีแล้ว เอ้า....ตื่นๆ  ฝันไปถึงไหนแล้ว)


             นี่งัยจ๊ะ  ที่พำนัก  หน้าบ้านมองเห็นวิวเขื่อน  หลังบ้านก็สวยไปแพ้กัน แต่คืนนี้เราใช้หลังบ้านทำกับข้าวกับอย่างสนุกสนาน

              เป็นไงสวยสงบเงียบอย่างที่บอกมั๊ย  เสียดาย  น้ำตรงนี้จะลงไปเล่นลำบากหน่อย เพราะบริเวณริมเขื่อนเค้าใช้ก้อนหินก้อนใหญ่เททับๆ กัน  จะลงไปต้องใช้ความกล้ากระโดดออกไป ไม่งั้นหลังกระแทกหิน  แต่ถ้ามันต้องดิ้นรนขนาดนั้น นั่งดูน้ำจะสุขใจกว่านะ


            เพื่อเป็นการยืนยันว่าริมเขื่อนมันลงไปยาก หินก้อนใหญ่ๆ ทั้งนั้น  แต่ในขบวนที่เราไป ก็มีคนลงไปนะ  แต่ต้องใช้วิธีที่บอก  คือ กระโดดออกไปให้ไกลที่สุด

          
            บรรยากาศวับแวมยามค่ำคืน กลมๆ เล็กข้างล่างนั่น คือแสงไฟจากบ้านเรือน ส่วนกลมๆ เล็กบนฟ้านั่น พระจันทร์  วันที่ไปเป็นคืนข้างแรม เลยได้เห็นพระจันทร์แหว่งไปเล็กน้อย ไม่กลมสุกใสเหมือนคืนเพ็ญ
            ขากลับ หมู่เรามาแวะที่ไร่กุสุมา  แวะจริงๆ  แค่แวะมาถ่ายรูป แค่นั้น
          
            ยังคงเอกลักษณ์น้ำใสไหลเย็น  น่าโดดเล่นเป็นยิ่งนัก เหมาะมากสำหรับคนรักการเล่นน้ำ แนะนำที่นี่เลย  หรืออยากจะทำกิจกรรมท้าทายการตกน้ำ แบบปีนบันไดเชือก ไต่สะพานโยกเยก มีให้เลือกเยอะเลย หรือจะนอนเล่นน้ำหน้าห้องพัก เอาท่อนล่างแช่น้ำ ก็เพลินนะ
            เอาแล้ว เขียนเชียร์มายืดยาว ต้องลองไปเองแล้วจะรู้  ค่าห้องพักก็ไม่ได้แพงจนจ่ายกันไม่ไหว แต่คงต้องโทรจองก่อนแหละ เพราะไปทีไรเห็นคนเต็มทุกที


            แถมให้อีกรูป  แอบถ่ายเด็กๆ นักศึกษาเล่นน้ำกัน  คงต้องจบทริปนี้ที่นี่  ที่ไร่ของเมีย"จเด็ด"  ไม่แก่จริง ไม่รู้นะเนี่ย ไปหาคำตอบเอาเองแล้วกัน  หมู่เรากลับบ้านด้วยความอิ่มเอม
          
            เริ่มด้วยวัด ซัดมาเขื่อนป่าสัก พักบ้านบริการนักท่องเที่ยว  อยากเสียวก็ลองโดดน้ำริมเขื่อน อย่าลืมเลือนแวะหาภรรยา จเด็ด  เสร็จแล้วกลับบ้านบานหทัย...ชะเอิงเอย  หนอยแม่...
          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น